================================================== -->
บุรีรัมย์ อดีตเมืองตำน้ำกิน ยากจนระดับต้นๆ ของประเทศ แต่ภายในเวลา 7-8 ปี จังหวัดแห่งนี้กลายเป็นโมเดลของการพัฒนาด้านเมืองกีฬา เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลที่เป็นแชมป์ 6 ปีซ้อน เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีครั้งแรกของประเทศ
หม่อง ทองดี ประกาศ ผมจะไปเลือกตั้งครับ หลังจากได้บัตรประชาชนไทยเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
โพสต์บล็อกทั้งหมด(302)
การจำแนกประเภท: องค์กร Yahoo
sagame66 ฝาก ขั้น ต่ํา,คลิกเพื่ออ่านข่าวก่อนหน้านี้ ป๋าเต็ด ผ่าตัดฉุกเฉินหลังเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เดินสายปากท้องควบคู่ปรองดอง ปากท้อง ให้เสี่ยทนงจัดทำแผนงานเศรษฐกิจ ปรองดอง จตุพร-ยงยุทธ แท็กทีมยื่นไมตรี พร้อมเจรจาเปิดทาง เจรจาปรองดอง กับทุกพรรคการเมืองไม่เว้นแม้แต่ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย ชิงพื้นที่ข่าวสร้างเสียงฮือฮาการเมือง ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Hiram Johnson In the time of war, the first casualty is truth- ในยามสงคราม ความจริงจะถูกประหัตประหารก่อนอื่นขณะที่ นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร อดีตสสกาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่ามีการทาบทามตนให้ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจริง แต่ตัดสินใจที่จะยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ เนื่องจากพรรคการเมืองนี้ให้โอกาสตนได้เกิดทางการเมือง
เพื่อไทยนครพนมร้าว ชูกัน กุลวงษา โดดซบพลังประชารัฐ 15 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 17:43 น 3ถ้านายอนุทินฯ ไม่ยอมออกมาชี้แจง เรื่อง การเข้าเรียนฯ ในวันศุกร์ที่ 12 ตค 2561 , ผมจะไปยื่นหนังสือ ถึง พลทขจรฤทธิ์ นิลกำแหง ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ , ให้ตรวจสอบเวลาเรียนฯ ของนายอนุทินฯ เพราะการเข้าเรียนหลักสูตร วปอ61 ของนายอนุทินฯ เป็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นเงินภาษี อากร ของประชาชน , ไม่ใช่ใช้เงินส่วนตัวของนายอนุทินฯ ไปเรียนฯกริช ทอมมัสกษัตริย์ซาอุฯ สั่งสอบกรณีนักข่าวหายตัวปริศนาในสถานกงสุล 15 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 22:02 น กษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียมีรับสั่งให้เปิดการสอบสวนภายในเกี่ยวกับการหายตัวปริศนาของจามัล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ คนดังที่วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ขณะที่คณะสอบสวนร่วมตุรกี-ซาอุฯ เตรียมเข้าตรวจค้นสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลที่พบคาช็อกกีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
อุจิกุจิ ยูกิ 2021-03-01
france kgm :“ธนารักษ์” ลุยรื้อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเร่งโครงการยักษ์เดินหน้า 16 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 10:08 น
“ธนารักษ์” ลุยรื้อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเร่งโครงการยักษ์เดินหน้า 16 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 10:08 น
นายพล 2021-03-01 15:38:53
ถอดหัวโขนลงพื้นที่ 3รมตอ้างเข้าใจบทบาทดี ดูดลูกกำนันเซียะซํ้า เป๊าะ 16 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น 3 รัฐมนตรีพลังประชารัฐเดินสายการเมืองแล้ว ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมรับฟังปัญหา ชี้มาในฐานะพรรคถอดหัวโขน รมตแล้ว ยันเข้าใจบทบาทตัวเองดี อุตตม ลั่นมีแผนเดินสายวันหยุดอีก เผยเหตุ โพธิพิพิธ ยกครัวมาซบเพราะผู้ใหญ่อ้างจะช่วยเหลือเหมือนกรณี กำนันเป๊าะ หากปักธงเมืองกาญจน์ยกจังหวัด มาร์ครู้ปัญหาแต่ไม่ขอพูดมาก พื้นที่สระบุรีเดือด อดิเรกสาร มึนดูดจนพื้นที่ทับซ้อน เมื่อวันจันทร์ถือเป็นครั้งแรกที่ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร) ได้ลงพื้นที่ระดมสมองและรับฟังปัญหาที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งนายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหาร พปชรและประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยมได้จัดขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน โดยก่อนเริ่มกิจกรรม นายอุตตม สาวนายน รมวอุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมตประจำสำนักนายกฯ ว่าที่โฆษกพรรค พปชรได้เยี่ยมชมซุ้มต่างๆ ที่นำมาแสดงและได้ทดลองนวดแผนไทยด้วย ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมวพาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค พปชรกล่าวก่อนเริ่มกิจกรรมว่า ขอทำความเข้าใจวันนี้ไม่ได้มาในนามรัฐมนตรี แต่มาในนาม พปชร จึงอยากให้ทุกคนสบายใจ ไม่ได้มีหัวโขนติดมา โดยอยากมาฟังพี่น้องประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกัน เราจะรวบรวมสิ่งเหล่านี้สู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบาย เพราะสิ่งเหล่านี้หากได้ทำจะช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส นี่คือสิ่งที่ตั้งใจมา นายสนธิรัตน์กล่าว ต่อมาในวงหารือเครือข่ายประชาชนกลุ่มต่างๆ กว่า 200 คนได้มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม และส่ง 3 รัฐมนตรีเข้ารับฟัง โดยมีตัวแทนผู้นำชุมชนแสดงความเห็นทีละคน ซึ่งส่วนใหญ่ชื่นชมการทำงานของรัฐบาล พร้อมขอบคุณรัฐมนตรีที่ใช้แนวทางประชารัฐแก้ไขปัญหาให้ชุมชน ทั้งนี้นายภานุมาศ แก้วนอก ตัวแทนชาวนาจาก จนครราชสีมา เรียกร้องให้เร่งทำพื้นที่ภาคอีสานเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตข้าว โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำ ซึ่งหาก พปชรผลักดันจริงจัง เชื่อว่านายอุตตมจะได้เป็นนายกฯ แน่นอน และ พปชรจะได้ใจคนอีสานทั้ง 20 จังหวัด นอกจากนี้ตัวแทนยังเรียกร้องให้ปลดหนี้เกษตรกร, ทำให้ชาวนามีเงินเดือน 3,000 บาทต่อครอบครัว และส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยววิถีชุมชน รวมถึงการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งจากตัวแทนเกษตรกร นายอุตตมกล่าวว่า ยินดีที่ประชาชนตื่นตัว ตื่นรู้ว่าอยากได้ประเทศและคนที่ขึ้นมาดูแลบริหารประเทศอย่างไร การพูดคุยวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการเมืองต่อไปในอนาคต และทุกเรื่องวันนี้จะรับไปดำเนินการเลย ภายหลังวงหารือเสร็จสิ้น นายชวนได้ร้องเพลงอยากให้ความรักที่แต่งขึ้นเอง พร้อมแต่งกลอนพลังใจ ก่อนระบุว่าชุมชนไม่ต้องห่วงถ้ายังมีพวกเราอยู่ ประเทศไม่ต้องห่วงถ้ายังมีพวกเรา นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวในบทบาทรัฐมนตรีและผู้บริหารพรรค พปชร หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ระบุว่าไม่ควรใช้ที่และเวลาราชการในการสัมภาษณ์การเมืองว่า เราเข้าใจบทบาทตัวเองอยู่แล้ว จึงใช้โอกาสวันหยุดมารับฟังประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้ใช้เวลาหรือทรัพยากรของรัฐมาใช้ ในเวลาราชการจะไม่คุยเรื่องการเมือง เราระมัดระวังมากเรื่องการตอบคำถาม เพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกา จึงขอให้สบายใจได้ว่าจะเข้มงวด ไม่คิดจะใช้ความได้เปรียบของตำแหน่งและบทบาทหน้าที่รัฐมนตรีไปสร้างผลประโยชน์ทางการเมือง แต่จะเดินหน้าทำงานโดยไม่เอาบทบาทรัฐมนตรีไปสร้างประโยชน์ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ 4 รัฐมนตรีเข้าไปพูดคุยกันในห้องทำงานของนายสมคิด จาตุศรีทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ นายสนธิรัตน์ตอบว่าไปคุยกันเรื่องงาน ต้องดูว่าทำในบทบาทใด ถ้าคุยการเมืองเราจะไปประชุมข้างนอก เพราะไม่ถูกต้องที่จะใช้สถานที่ราชการ ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ต่างๆ เป็นการหาเสียงล่วงหน้านั้น ยืนยันไม่ได้หาเสียง เพียงแต่มาประชุม หากกลุ่มใดเชิญไปเราก็จะไป เมื่อถามว่ากลัวกระแสต่อต้านการดำเนินงานของพรรคจะบานปลายและกระทบพรรคหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ทุกอย่างมีกรอบและหลักเกณฑ์ ที่การเมืองบอบช้ำนั้นเพราะไม่ได้อยู่บนหลักการ สิ่งที่เราทำในอดีตก็เคยทำกันมา เราเข้ามาทำย่อมลำบากใจมากกว่านักการเมืองในอดีตแน่นอน ซึ่งเราจะระมัดระวังมากที่สุด และเวลาที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีให้ดีที่สุด โดยจะยุติบทบาทรัฐมนตรีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลานั้นจะเดินหน้าทางการเมืองเต็มตัว เวลานี้ยังไม่ถึงเวลา ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะมาทำงานให้ชาติ และเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นคนไทยทำอะไรดีๆ เพื่อประเทศ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้มารับฟัง และไม่ใช่มาในนามพรรคการเมืองหรือมานำเสนอนโยบาย เพราะพรรคยังไม่เกิด ซึ่งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความเห็นประชาชนนั้น เบื้องต้นเป็นไปได้ที่จะลงพื้นที่เพิ่มเติมช่วงวันหยุดราชการ เพื่อนำประเด็นที่ได้จากการพูดคุยไปใช้ในการทำนโยบายในอนาคต ส่วนจะลงพื้นที่ไหนหรือจังหวัดนอกพื้นที่ กทมหรือไม่ ขอพิจารณาตามโอกาสอีกครั้ง เมื่อถามถึงการดึงตัวอดีต สสพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วม นายอุตตมกล่าวว่า เป็นปกติของนักการเมืองที่จะย้ายพรรค แต่กลุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดที่เกินเลย ส่วนเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่าข้อกล่าวหาที่มีเชื่อถือได้หรือไม่ เมื่อถามว่าล่าสุดพบว่ามี 3 อดีตสมาชิกสภากรุงเทพ (สก) ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป) มาร่วมฟังความเห็นครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเปิดตัวเข้าร่วมหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่าไม่ขอแสดงความเห็น ส่วนกรณี นพพลเดช ปิ่นประทีป อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช) นั้น มีการส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ยังไม่ได้พูดคุยโดยตรง ทั้งนี้ ในงานเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มี สกของพรรค ปชปที่มีข่าวว่าได้ย้ายมาสังกัด พปชร 3 คน ได้แก่ นสกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต สกพระนคร, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต สกคลองเตย และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ อดีต สกดอนเมืองมาร่วมด้วย โดยนางกรณิศระบุว่าการตัดสินใจย้ายจาก ปชปไม่ใช่เพราะคำชวนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ แต่ตัดสินใจเอง หลังจากเห็นแนวคิดและแนวทางการทำงานที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ส่วนจะถึงขั้นลงเลือกตั้ง สสหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแกนนำพรรค และไม่ทราบว่าจะมี สกปชปย้ายมาสังกัดอีกหรือไม่ ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต สสอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท) กล่าวถึง 3 รัฐมนตรีลงพื้นที่พบประชาชนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นไม่ใช่แค่ 100% แต่เป็น 10,000% เพราะเอาเปรียบตั้งแต่คิดตั้งพรรคการเมืองในทำเนียบรัฐบาล ชวนคนเข้าไปในทำเนียบฯ เอาเปรียบมาเป็นปีแล้ว ครั้งนี้จะเอาเปรียบอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร หากไม่อาย สังคมจะต้องมองเรื่องนี้ให้ละเอียด ท่านไม่ได้มาจากฐานของประชาชน แล้วยังเอาอำนาจที่มีอยู่ไปหาเสียงโดยอ้างประชาชน แล้วจะให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร การจะไปบอกให้ 3 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเป็นการสีซอเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์ นายวรชัย เหมะ อดีต สสสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่พบประชาชน แต่อ้างว่าไม่ได้สวมหัวโขนรัฐมนตรีนั้น ความเป็นจริงคนเป็นรัฐมนตรีแล้วมีอำนาจบริหารถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธการเป็นรัฐมนตรีได้ จึงถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ถูกแช่แข็งไม่ให้เคลื่อนไหวอย่างยิ่ง ถ้าอยากแข่งขันกันแฟร์ๆ คสชก็ควรเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า อยากให้ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับนโยบายสร้างความปรองดองให้คนในชาติ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองขัดแย้งมานาน แต่พอจะมีการเลือกตั้ง การสร้างความปรองดองกลายเป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น เพราะเริ่มสาดโคลนใส่กันทันที อยากให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแข่งขันกันทางนโยบาย และหยุดความขัดแย้งไว้ก่อน เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้พี่น้องประชาชน การเลือกตั้งก็สู้กันด้วยนโยบาย แพ้ชนะแล้วจบ เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่ถ้าหากปล่อยไปเช่นนี้หลังเลือกตั้งประเทศก็คงจะมีความขัดแย้งอีก โฆษกกลุ่มสามมิตรกล่าว วันเดียวกันยังมีความเคลื่อนไหวในกรณีการย้ายพรรคอีก โดยเฉพาะกรณีนายธรรมวิชญ์ และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ บุตรชายนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีต สสกาญจนบุรี ปชปจะย้ายไปพรรค พปชร โดยมีรายงานแจ้งว่ามีการเจรจาโดยใช้เงื่อนไขคดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ ซึ่งนายประชาถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน และหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยยื่นข้อเสนอผ่านนางเขมพร ต่างใจเย็น หรือซ้อเขม ภรรยากำนันเซียะที่หลบหนีไปด้วย โดยประสานงานกว่า 2 สัปดาห์ เพราะผู้ใหญ่ใน พปชรตั้งเป้าต้องปักธงที่กาญจนบุรีให้ได้ มีการอ้างถึงผู้มีอำนาจว่าจะช่วยดูแลให้ในลักษณะเดียวกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะที่ได้รับการพักโทษไปก่อนหน้านี้ และกลุ่มพรรคพลังชลของนายสนธยา คุณปลื้ม จะเข้าซบ พปชร ซึ่งลูกชายกำนันเซียะต้องย้ายพรรค โดยได้แจ้งให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค ปชปที่ทั้งสองให้ความเคารพรับทราบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รายงานแจ้งอีกว่า พปชรยังมีความพยายามที่จะดูดอดีต สสกาญจนบุรี ปชปอีก 2 คน คือ นายปารเมศ โพธารากุล หรือกำนันบอย และนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ให้ไปร่วมงานด้วย โดยมีซ้อเขมเป็นผู้ประสานงาน และขอร้องเพื่อช่วยกำนันเซียะกลับไทยเร็วขึ้น เนื่องจากมีการตั้งเงื่อนไขว่าต้องได้ยกจังหวัดนายปารเมศยอมรับว่าถูกทาบทามจากผู้มีอำนาจหลายด้าน ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ใหญ่ที่นับถือว่าขอให้ย้ายไปอยู่ พปชรเพื่อพัฒนาจังหวัดในทิศทางเดียวกัน จะได้ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ ส่วนนายฉัตรพันธ์กล่าวว่า มีการทาบทามให้ไปสังกัด พปชรจริง แต่จะยืนหยัดอยู่กับ ปชปต่อ เนื่องจาก ปชปให้โอกาสได้เกิดทางการเมืองขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้า ปชปกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รับทราบถึงสถานการณ์และเงื่อนไขของอดีต สสกาญจนบุรีทั้งสองคนเป็นอย่างดี จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ขอให้ไปสัมภาษณ์นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคกลางแทน อย่างไรก็ตามไม่หนักใจต่อกระแสดูดที่ยังคงมีการดึงตัวอดีต สสของพรรคไปสังกัด พปชรอย่างต่อเนื่อง ด้าน รตปรพล อดิเรกสาร อดีต สสสระบุรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชรกล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำ พปชรทาบทาม นสกัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต สสสระบุรี ปชปมาร่วมงาน จนอาจส่งผลทำให้เกิดการแย่งชิงพื้นที่เลือกตั้งสระบุรีเขต 1 ว่า ถ้าเป็นจริงจะทำให้เกิดปัญหาแน่นอน เนื่องมีฐานเสียงตรงข้ามกันมาตลอด ซึ่งบางทีคนในพรรคอาจไม่เข้าใจตรงนี้ลึกซึ้ง และได้วางตัวทีมงานลงแทนในเขตนี้ไว้นานแล้ว คือนายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจสระบุรี และเคยพานายปริญญาไปพบผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงให้ความเห็นชอบแล้วด้วย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเเปลงอะไร แกนนำพรรคต้องมาบอกกล่าวให้รับทราบก่อน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต สสเชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รตอชนินทร์ น้อยเล็ก ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ระบุว่าไม่ควรพูดเรื่องการเมืองในทำเนียบฯ ว่า ทำเนียบฯ เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน หากจะแยกแยะไม่ให้พูดเรื่องการเมืองอาจเป็นเรื่องยาก แทนที่ กกตจะไปจับตาตรงนั้น อยากให้ กกตไปจับตาในพื้นที่ทั่วประเทศด้วย เพราะขณะนี้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองกัน ล่าสุดวันที่ 14 ตคได้รับแจ้งจากอดีต สสของพรรคในพื้นที่ จพะเยา ว่าตัวแทนพรรค พปชรมีการแนะนำว่าที่ผู้สมัครของพรรค พปชรเขต 1 จพะเยา โดยจัดให้มีการชุมนุมของประชาชนและผู้นำท้องถิ่น ทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมหลายร้อยคน ถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสชหรือไม่ ตรงนี้อยากให้ กกตเข้าไปตรวจสอบด้วย หากพรรคการเมืองหนึ่งทำได้ แต่อีกพรรคทำไม่ได้ จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ส่วนนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการ พทกล่าวถึงกรณีนายชูกัน กุลวงษา อดีต สส นครพนม เขต 4 ย้ายไปอยู่ พปชรและทำให้ตนเองอาสามาลงเขตดังกล่าวแทนว่า เมื่อวันที่ 14 ตคได้ลงพื้นที่รับทราบปัญหาประชาชน แต่มีทหารสองนายนอกเครื่องแบบตามประกบถึงในห้องประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีทหารชั้นผู้น้อยได้รับคำสั่งเช่นนี้ทุกเขตเลือกตั้ง ทุกจังหวัด ซึ่งน่าจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของทหารซึ่งเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของชาติ ขออนุญาตฝากท่านผู้บังคับบัญชา ควรมอบหมายภารกิจให้ถูกต้องกับหน้าที่ของทหาร ผมหวังที่จะเห็นทหารที่ลงตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศขณะนี้ได้กลับกรมกอง บ้านเมืองมิได้มีภัยคุกคามใดๆ เลย ตรงกันข้ามถ้าทหารยังอยู่ตามตำบลหมู่บ้านในช่วงเวลานี้ จะถูกสังคมกล่าวหาว่าบล็กพรรคการเมืองอื่น แต่ปล่อยพรรคการเมืองฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล การเลือกตั้งจะไม่เสรีและไม่เป็นธรรม อันจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นประเทศถดถอย จึงขอฝากให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม นายชวลิตกล่าว
แก้ไขการแต่งหน้า 2021-03-01 15:38:53
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2561 ว่า ประธานาธิบดีอับดุลลา ยามีน เคยได้รับการคาดหมายว่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากพวกแกนนำฝ่ายค้านคนสำคัญหนีไปลี้ภัยในต่างแดนหรือถูกจำคุก แต่ผลคะแนนกลับพลิกล็อก เมื่อเขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อ อิบราฮิม โมหะเหม็ด โซลีห์ ผู้สมัครจากกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง,ป๋าเต็ด เล่านาทีเฉียดตาย แพทย์ ลั่นมาช้าอาจเสียชีวิต! 15 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 17:43 น 。ถอดหัวโขนลงพื้นที่ 3รมตอ้างเข้าใจบทบาทดี ดูดลูกกำนันเซียะซํ้า เป๊าะ 16 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น 3 รัฐมนตรีพลังประชารัฐเดินสายการเมืองแล้ว ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมรับฟังปัญหา ชี้มาในฐานะพรรคถอดหัวโขน รมตแล้ว ยันเข้าใจบทบาทตัวเองดี อุตตม ลั่นมีแผนเดินสายวันหยุดอีก เผยเหตุ โพธิพิพิธ ยกครัวมาซบเพราะผู้ใหญ่อ้างจะช่วยเหลือเหมือนกรณี กำนันเป๊าะ หากปักธงเมืองกาญจน์ยกจังหวัด มาร์ครู้ปัญหาแต่ไม่ขอพูดมาก พื้นที่สระบุรีเดือด อดิเรกสาร มึนดูดจนพื้นที่ทับซ้อน เมื่อวันจันทร์ถือเป็นครั้งแรกที่ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร) ได้ลงพื้นที่ระดมสมองและรับฟังปัญหาที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งนายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหาร พปชรและประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยมได้จัดขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน โดยก่อนเริ่มกิจกรรม นายอุตตม สาวนายน รมวอุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมตประจำสำนักนายกฯ ว่าที่โฆษกพรรค พปชรได้เยี่ยมชมซุ้มต่างๆ ที่นำมาแสดงและได้ทดลองนวดแผนไทยด้วย ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมวพาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค พปชรกล่าวก่อนเริ่มกิจกรรมว่า ขอทำความเข้าใจวันนี้ไม่ได้มาในนามรัฐมนตรี แต่มาในนาม พปชร จึงอยากให้ทุกคนสบายใจ ไม่ได้มีหัวโขนติดมา โดยอยากมาฟังพี่น้องประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกัน เราจะรวบรวมสิ่งเหล่านี้สู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบาย เพราะสิ่งเหล่านี้หากได้ทำจะช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส นี่คือสิ่งที่ตั้งใจมา นายสนธิรัตน์กล่าว ต่อมาในวงหารือเครือข่ายประชาชนกลุ่มต่างๆ กว่า 200 คนได้มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม และส่ง 3 รัฐมนตรีเข้ารับฟัง โดยมีตัวแทนผู้นำชุมชนแสดงความเห็นทีละคน ซึ่งส่วนใหญ่ชื่นชมการทำงานของรัฐบาล พร้อมขอบคุณรัฐมนตรีที่ใช้แนวทางประชารัฐแก้ไขปัญหาให้ชุมชน ทั้งนี้นายภานุมาศ แก้วนอก ตัวแทนชาวนาจาก จนครราชสีมา เรียกร้องให้เร่งทำพื้นที่ภาคอีสานเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตข้าว โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำ ซึ่งหาก พปชรผลักดันจริงจัง เชื่อว่านายอุตตมจะได้เป็นนายกฯ แน่นอน และ พปชรจะได้ใจคนอีสานทั้ง 20 จังหวัด นอกจากนี้ตัวแทนยังเรียกร้องให้ปลดหนี้เกษตรกร, ทำให้ชาวนามีเงินเดือน 3,000 บาทต่อครอบครัว และส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยววิถีชุมชน รวมถึงการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งจากตัวแทนเกษตรกร นายอุตตมกล่าวว่า ยินดีที่ประชาชนตื่นตัว ตื่นรู้ว่าอยากได้ประเทศและคนที่ขึ้นมาดูแลบริหารประเทศอย่างไร การพูดคุยวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการเมืองต่อไปในอนาคต และทุกเรื่องวันนี้จะรับไปดำเนินการเลย ภายหลังวงหารือเสร็จสิ้น นายชวนได้ร้องเพลงอยากให้ความรักที่แต่งขึ้นเอง พร้อมแต่งกลอนพลังใจ ก่อนระบุว่าชุมชนไม่ต้องห่วงถ้ายังมีพวกเราอยู่ ประเทศไม่ต้องห่วงถ้ายังมีพวกเรา นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวในบทบาทรัฐมนตรีและผู้บริหารพรรค พปชร หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ระบุว่าไม่ควรใช้ที่และเวลาราชการในการสัมภาษณ์การเมืองว่า เราเข้าใจบทบาทตัวเองอยู่แล้ว จึงใช้โอกาสวันหยุดมารับฟังประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้ใช้เวลาหรือทรัพยากรของรัฐมาใช้ ในเวลาราชการจะไม่คุยเรื่องการเมือง เราระมัดระวังมากเรื่องการตอบคำถาม เพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกา จึงขอให้สบายใจได้ว่าจะเข้มงวด ไม่คิดจะใช้ความได้เปรียบของตำแหน่งและบทบาทหน้าที่รัฐมนตรีไปสร้างผลประโยชน์ทางการเมือง แต่จะเดินหน้าทำงานโดยไม่เอาบทบาทรัฐมนตรีไปสร้างประโยชน์ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ 4 รัฐมนตรีเข้าไปพูดคุยกันในห้องทำงานของนายสมคิด จาตุศรีทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ นายสนธิรัตน์ตอบว่าไปคุยกันเรื่องงาน ต้องดูว่าทำในบทบาทใด ถ้าคุยการเมืองเราจะไปประชุมข้างนอก เพราะไม่ถูกต้องที่จะใช้สถานที่ราชการ ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ต่างๆ เป็นการหาเสียงล่วงหน้านั้น ยืนยันไม่ได้หาเสียง เพียงแต่มาประชุม หากกลุ่มใดเชิญไปเราก็จะไป เมื่อถามว่ากลัวกระแสต่อต้านการดำเนินงานของพรรคจะบานปลายและกระทบพรรคหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ทุกอย่างมีกรอบและหลักเกณฑ์ ที่การเมืองบอบช้ำนั้นเพราะไม่ได้อยู่บนหลักการ สิ่งที่เราทำในอดีตก็เคยทำกันมา เราเข้ามาทำย่อมลำบากใจมากกว่านักการเมืองในอดีตแน่นอน ซึ่งเราจะระมัดระวังมากที่สุด และเวลาที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีให้ดีที่สุด โดยจะยุติบทบาทรัฐมนตรีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลานั้นจะเดินหน้าทางการเมืองเต็มตัว เวลานี้ยังไม่ถึงเวลา ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะมาทำงานให้ชาติ และเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นคนไทยทำอะไรดีๆ เพื่อประเทศ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้มารับฟัง และไม่ใช่มาในนามพรรคการเมืองหรือมานำเสนอนโยบาย เพราะพรรคยังไม่เกิด ซึ่งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความเห็นประชาชนนั้น เบื้องต้นเป็นไปได้ที่จะลงพื้นที่เพิ่มเติมช่วงวันหยุดราชการ เพื่อนำประเด็นที่ได้จากการพูดคุยไปใช้ในการทำนโยบายในอนาคต ส่วนจะลงพื้นที่ไหนหรือจังหวัดนอกพื้นที่ กทมหรือไม่ ขอพิจารณาตามโอกาสอีกครั้ง เมื่อถามถึงการดึงตัวอดีต สสพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วม นายอุตตมกล่าวว่า เป็นปกติของนักการเมืองที่จะย้ายพรรค แต่กลุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดที่เกินเลย ส่วนเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่าข้อกล่าวหาที่มีเชื่อถือได้หรือไม่ เมื่อถามว่าล่าสุดพบว่ามี 3 อดีตสมาชิกสภากรุงเทพ (สก) ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป) มาร่วมฟังความเห็นครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเปิดตัวเข้าร่วมหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่าไม่ขอแสดงความเห็น ส่วนกรณี นพพลเดช ปิ่นประทีป อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช) นั้น มีการส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ยังไม่ได้พูดคุยโดยตรง ทั้งนี้ ในงานเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มี สกของพรรค ปชปที่มีข่าวว่าได้ย้ายมาสังกัด พปชร 3 คน ได้แก่ นสกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต สกพระนคร, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต สกคลองเตย และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ อดีต สกดอนเมืองมาร่วมด้วย โดยนางกรณิศระบุว่าการตัดสินใจย้ายจาก ปชปไม่ใช่เพราะคำชวนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ แต่ตัดสินใจเอง หลังจากเห็นแนวคิดและแนวทางการทำงานที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ส่วนจะถึงขั้นลงเลือกตั้ง สสหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแกนนำพรรค และไม่ทราบว่าจะมี สกปชปย้ายมาสังกัดอีกหรือไม่ ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต สสอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท) กล่าวถึง 3 รัฐมนตรีลงพื้นที่พบประชาชนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นไม่ใช่แค่ 100% แต่เป็น 10,000% เพราะเอาเปรียบตั้งแต่คิดตั้งพรรคการเมืองในทำเนียบรัฐบาล ชวนคนเข้าไปในทำเนียบฯ เอาเปรียบมาเป็นปีแล้ว ครั้งนี้จะเอาเปรียบอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร หากไม่อาย สังคมจะต้องมองเรื่องนี้ให้ละเอียด ท่านไม่ได้มาจากฐานของประชาชน แล้วยังเอาอำนาจที่มีอยู่ไปหาเสียงโดยอ้างประชาชน แล้วจะให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร การจะไปบอกให้ 3 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเป็นการสีซอเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์ นายวรชัย เหมะ อดีต สสสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่พบประชาชน แต่อ้างว่าไม่ได้สวมหัวโขนรัฐมนตรีนั้น ความเป็นจริงคนเป็นรัฐมนตรีแล้วมีอำนาจบริหารถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธการเป็นรัฐมนตรีได้ จึงถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ถูกแช่แข็งไม่ให้เคลื่อนไหวอย่างยิ่ง ถ้าอยากแข่งขันกันแฟร์ๆ คสชก็ควรเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า อยากให้ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับนโยบายสร้างความปรองดองให้คนในชาติ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองขัดแย้งมานาน แต่พอจะมีการเลือกตั้ง การสร้างความปรองดองกลายเป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น เพราะเริ่มสาดโคลนใส่กันทันที อยากให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแข่งขันกันทางนโยบาย และหยุดความขัดแย้งไว้ก่อน เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้พี่น้องประชาชน การเลือกตั้งก็สู้กันด้วยนโยบาย แพ้ชนะแล้วจบ เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่ถ้าหากปล่อยไปเช่นนี้หลังเลือกตั้งประเทศก็คงจะมีความขัดแย้งอีก โฆษกกลุ่มสามมิตรกล่าว วันเดียวกันยังมีความเคลื่อนไหวในกรณีการย้ายพรรคอีก โดยเฉพาะกรณีนายธรรมวิชญ์ และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ บุตรชายนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีต สสกาญจนบุรี ปชปจะย้ายไปพรรค พปชร โดยมีรายงานแจ้งว่ามีการเจรจาโดยใช้เงื่อนไขคดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ ซึ่งนายประชาถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน และหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยยื่นข้อเสนอผ่านนางเขมพร ต่างใจเย็น หรือซ้อเขม ภรรยากำนันเซียะที่หลบหนีไปด้วย โดยประสานงานกว่า 2 สัปดาห์ เพราะผู้ใหญ่ใน พปชรตั้งเป้าต้องปักธงที่กาญจนบุรีให้ได้ มีการอ้างถึงผู้มีอำนาจว่าจะช่วยดูแลให้ในลักษณะเดียวกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะที่ได้รับการพักโทษไปก่อนหน้านี้ และกลุ่มพรรคพลังชลของนายสนธยา คุณปลื้ม จะเข้าซบ พปชร ซึ่งลูกชายกำนันเซียะต้องย้ายพรรค โดยได้แจ้งให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค ปชปที่ทั้งสองให้ความเคารพรับทราบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รายงานแจ้งอีกว่า พปชรยังมีความพยายามที่จะดูดอดีต สสกาญจนบุรี ปชปอีก 2 คน คือ นายปารเมศ โพธารากุล หรือกำนันบอย และนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ให้ไปร่วมงานด้วย โดยมีซ้อเขมเป็นผู้ประสานงาน และขอร้องเพื่อช่วยกำนันเซียะกลับไทยเร็วขึ้น เนื่องจากมีการตั้งเงื่อนไขว่าต้องได้ยกจังหวัดนายปารเมศยอมรับว่าถูกทาบทามจากผู้มีอำนาจหลายด้าน ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ใหญ่ที่นับถือว่าขอให้ย้ายไปอยู่ พปชรเพื่อพัฒนาจังหวัดในทิศทางเดียวกัน จะได้ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ ส่วนนายฉัตรพันธ์กล่าวว่า มีการทาบทามให้ไปสังกัด พปชรจริง แต่จะยืนหยัดอยู่กับ ปชปต่อ เนื่องจาก ปชปให้โอกาสได้เกิดทางการเมืองขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้า ปชปกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รับทราบถึงสถานการณ์และเงื่อนไขของอดีต สสกาญจนบุรีทั้งสองคนเป็นอย่างดี จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ขอให้ไปสัมภาษณ์นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคกลางแทน อย่างไรก็ตามไม่หนักใจต่อกระแสดูดที่ยังคงมีการดึงตัวอดีต สสของพรรคไปสังกัด พปชรอย่างต่อเนื่อง ด้าน รตปรพล อดิเรกสาร อดีต สสสระบุรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชรกล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำ พปชรทาบทาม นสกัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต สสสระบุรี ปชปมาร่วมงาน จนอาจส่งผลทำให้เกิดการแย่งชิงพื้นที่เลือกตั้งสระบุรีเขต 1 ว่า ถ้าเป็นจริงจะทำให้เกิดปัญหาแน่นอน เนื่องมีฐานเสียงตรงข้ามกันมาตลอด ซึ่งบางทีคนในพรรคอาจไม่เข้าใจตรงนี้ลึกซึ้ง และได้วางตัวทีมงานลงแทนในเขตนี้ไว้นานแล้ว คือนายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจสระบุรี และเคยพานายปริญญาไปพบผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงให้ความเห็นชอบแล้วด้วย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเเปลงอะไร แกนนำพรรคต้องมาบอกกล่าวให้รับทราบก่อน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต สสเชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รตอชนินทร์ น้อยเล็ก ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ระบุว่าไม่ควรพูดเรื่องการเมืองในทำเนียบฯ ว่า ทำเนียบฯ เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน หากจะแยกแยะไม่ให้พูดเรื่องการเมืองอาจเป็นเรื่องยาก แทนที่ กกตจะไปจับตาตรงนั้น อยากให้ กกตไปจับตาในพื้นที่ทั่วประเทศด้วย เพราะขณะนี้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองกัน ล่าสุดวันที่ 14 ตคได้รับแจ้งจากอดีต สสของพรรคในพื้นที่ จพะเยา ว่าตัวแทนพรรค พปชรมีการแนะนำว่าที่ผู้สมัครของพรรค พปชรเขต 1 จพะเยา โดยจัดให้มีการชุมนุมของประชาชนและผู้นำท้องถิ่น ทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมหลายร้อยคน ถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสชหรือไม่ ตรงนี้อยากให้ กกตเข้าไปตรวจสอบด้วย หากพรรคการเมืองหนึ่งทำได้ แต่อีกพรรคทำไม่ได้ จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ส่วนนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการ พทกล่าวถึงกรณีนายชูกัน กุลวงษา อดีต สส นครพนม เขต 4 ย้ายไปอยู่ พปชรและทำให้ตนเองอาสามาลงเขตดังกล่าวแทนว่า เมื่อวันที่ 14 ตคได้ลงพื้นที่รับทราบปัญหาประชาชน แต่มีทหารสองนายนอกเครื่องแบบตามประกบถึงในห้องประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีทหารชั้นผู้น้อยได้รับคำสั่งเช่นนี้ทุกเขตเลือกตั้ง ทุกจังหวัด ซึ่งน่าจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของทหารซึ่งเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของชาติ ขออนุญาตฝากท่านผู้บังคับบัญชา ควรมอบหมายภารกิจให้ถูกต้องกับหน้าที่ของทหาร ผมหวังที่จะเห็นทหารที่ลงตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศขณะนี้ได้กลับกรมกอง บ้านเมืองมิได้มีภัยคุกคามใดๆ เลย ตรงกันข้ามถ้าทหารยังอยู่ตามตำบลหมู่บ้านในช่วงเวลานี้ จะถูกสังคมกล่าวหาว่าบล็กพรรคการเมืองอื่น แต่ปล่อยพรรคการเมืองฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล การเลือกตั้งจะไม่เสรีและไม่เป็นธรรม อันจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นประเทศถดถอย จึงขอฝากให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม นายชวลิตกล่าว。
นากาเสะ จุนอิจิ 2021-03-01 15:38:53
ถอดหัวโขนลงพื้นที่ 3รมตอ้างเข้าใจบทบาทดี ดูดลูกกำนันเซียะซํ้า เป๊าะ 16 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 00:01 น 3 รัฐมนตรีพลังประชารัฐเดินสายการเมืองแล้ว ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมรับฟังปัญหา ชี้มาในฐานะพรรคถอดหัวโขน รมตแล้ว ยันเข้าใจบทบาทตัวเองดี อุตตม ลั่นมีแผนเดินสายวันหยุดอีก เผยเหตุ โพธิพิพิธ ยกครัวมาซบเพราะผู้ใหญ่อ้างจะช่วยเหลือเหมือนกรณี กำนันเป๊าะ หากปักธงเมืองกาญจน์ยกจังหวัด มาร์ครู้ปัญหาแต่ไม่ขอพูดมาก พื้นที่สระบุรีเดือด อดิเรกสาร มึนดูดจนพื้นที่ทับซ้อน เมื่อวันจันทร์ถือเป็นครั้งแรกที่ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร) ได้ลงพื้นที่ระดมสมองและรับฟังปัญหาที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งนายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหาร พปชรและประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยมได้จัดขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน โดยก่อนเริ่มกิจกรรม นายอุตตม สาวนายน รมวอุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมตประจำสำนักนายกฯ ว่าที่โฆษกพรรค พปชรได้เยี่ยมชมซุ้มต่างๆ ที่นำมาแสดงและได้ทดลองนวดแผนไทยด้วย ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมวพาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค พปชรกล่าวก่อนเริ่มกิจกรรมว่า ขอทำความเข้าใจวันนี้ไม่ได้มาในนามรัฐมนตรี แต่มาในนาม พปชร จึงอยากให้ทุกคนสบายใจ ไม่ได้มีหัวโขนติดมา โดยอยากมาฟังพี่น้องประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกัน เราจะรวบรวมสิ่งเหล่านี้สู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบาย เพราะสิ่งเหล่านี้หากได้ทำจะช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส นี่คือสิ่งที่ตั้งใจมา นายสนธิรัตน์กล่าว ต่อมาในวงหารือเครือข่ายประชาชนกลุ่มต่างๆ กว่า 200 คนได้มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม และส่ง 3 รัฐมนตรีเข้ารับฟัง โดยมีตัวแทนผู้นำชุมชนแสดงความเห็นทีละคน ซึ่งส่วนใหญ่ชื่นชมการทำงานของรัฐบาล พร้อมขอบคุณรัฐมนตรีที่ใช้แนวทางประชารัฐแก้ไขปัญหาให้ชุมชน ทั้งนี้นายภานุมาศ แก้วนอก ตัวแทนชาวนาจาก จนครราชสีมา เรียกร้องให้เร่งทำพื้นที่ภาคอีสานเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตข้าว โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำ ซึ่งหาก พปชรผลักดันจริงจัง เชื่อว่านายอุตตมจะได้เป็นนายกฯ แน่นอน และ พปชรจะได้ใจคนอีสานทั้ง 20 จังหวัด นอกจากนี้ตัวแทนยังเรียกร้องให้ปลดหนี้เกษตรกร, ทำให้ชาวนามีเงินเดือน 3,000 บาทต่อครอบครัว และส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยววิถีชุมชน รวมถึงการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งจากตัวแทนเกษตรกร นายอุตตมกล่าวว่า ยินดีที่ประชาชนตื่นตัว ตื่นรู้ว่าอยากได้ประเทศและคนที่ขึ้นมาดูแลบริหารประเทศอย่างไร การพูดคุยวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการเมืองต่อไปในอนาคต และทุกเรื่องวันนี้จะรับไปดำเนินการเลย ภายหลังวงหารือเสร็จสิ้น นายชวนได้ร้องเพลงอยากให้ความรักที่แต่งขึ้นเอง พร้อมแต่งกลอนพลังใจ ก่อนระบุว่าชุมชนไม่ต้องห่วงถ้ายังมีพวกเราอยู่ ประเทศไม่ต้องห่วงถ้ายังมีพวกเรา นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวในบทบาทรัฐมนตรีและผู้บริหารพรรค พปชร หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ระบุว่าไม่ควรใช้ที่และเวลาราชการในการสัมภาษณ์การเมืองว่า เราเข้าใจบทบาทตัวเองอยู่แล้ว จึงใช้โอกาสวันหยุดมารับฟังประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้ใช้เวลาหรือทรัพยากรของรัฐมาใช้ ในเวลาราชการจะไม่คุยเรื่องการเมือง เราระมัดระวังมากเรื่องการตอบคำถาม เพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกา จึงขอให้สบายใจได้ว่าจะเข้มงวด ไม่คิดจะใช้ความได้เปรียบของตำแหน่งและบทบาทหน้าที่รัฐมนตรีไปสร้างผลประโยชน์ทางการเมือง แต่จะเดินหน้าทำงานโดยไม่เอาบทบาทรัฐมนตรีไปสร้างประโยชน์ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ 4 รัฐมนตรีเข้าไปพูดคุยกันในห้องทำงานของนายสมคิด จาตุศรีทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ นายสนธิรัตน์ตอบว่าไปคุยกันเรื่องงาน ต้องดูว่าทำในบทบาทใด ถ้าคุยการเมืองเราจะไปประชุมข้างนอก เพราะไม่ถูกต้องที่จะใช้สถานที่ราชการ ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ต่างๆ เป็นการหาเสียงล่วงหน้านั้น ยืนยันไม่ได้หาเสียง เพียงแต่มาประชุม หากกลุ่มใดเชิญไปเราก็จะไป เมื่อถามว่ากลัวกระแสต่อต้านการดำเนินงานของพรรคจะบานปลายและกระทบพรรคหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ทุกอย่างมีกรอบและหลักเกณฑ์ ที่การเมืองบอบช้ำนั้นเพราะไม่ได้อยู่บนหลักการ สิ่งที่เราทำในอดีตก็เคยทำกันมา เราเข้ามาทำย่อมลำบากใจมากกว่านักการเมืองในอดีตแน่นอน ซึ่งเราจะระมัดระวังมากที่สุด และเวลาที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีให้ดีที่สุด โดยจะยุติบทบาทรัฐมนตรีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงเวลานั้นจะเดินหน้าทางการเมืองเต็มตัว เวลานี้ยังไม่ถึงเวลา ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะมาทำงานให้ชาติ และเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นคนไทยทำอะไรดีๆ เพื่อประเทศ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้มารับฟัง และไม่ใช่มาในนามพรรคการเมืองหรือมานำเสนอนโยบาย เพราะพรรคยังไม่เกิด ซึ่งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความเห็นประชาชนนั้น เบื้องต้นเป็นไปได้ที่จะลงพื้นที่เพิ่มเติมช่วงวันหยุดราชการ เพื่อนำประเด็นที่ได้จากการพูดคุยไปใช้ในการทำนโยบายในอนาคต ส่วนจะลงพื้นที่ไหนหรือจังหวัดนอกพื้นที่ กทมหรือไม่ ขอพิจารณาตามโอกาสอีกครั้ง เมื่อถามถึงการดึงตัวอดีต สสพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วม นายอุตตมกล่าวว่า เป็นปกติของนักการเมืองที่จะย้ายพรรค แต่กลุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดที่เกินเลย ส่วนเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่าข้อกล่าวหาที่มีเชื่อถือได้หรือไม่ เมื่อถามว่าล่าสุดพบว่ามี 3 อดีตสมาชิกสภากรุงเทพ (สก) ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป) มาร่วมฟังความเห็นครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเปิดตัวเข้าร่วมหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่าไม่ขอแสดงความเห็น ส่วนกรณี นพพลเดช ปิ่นประทีป อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช) นั้น มีการส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ยังไม่ได้พูดคุยโดยตรง ทั้งนี้ ในงานเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มี สกของพรรค ปชปที่มีข่าวว่าได้ย้ายมาสังกัด พปชร 3 คน ได้แก่ นสกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต สกพระนคร, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต สกคลองเตย และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ อดีต สกดอนเมืองมาร่วมด้วย โดยนางกรณิศระบุว่าการตัดสินใจย้ายจาก ปชปไม่ใช่เพราะคำชวนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ แต่ตัดสินใจเอง หลังจากเห็นแนวคิดและแนวทางการทำงานที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ส่วนจะถึงขั้นลงเลือกตั้ง สสหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแกนนำพรรค และไม่ทราบว่าจะมี สกปชปย้ายมาสังกัดอีกหรือไม่ ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต สสอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท) กล่าวถึง 3 รัฐมนตรีลงพื้นที่พบประชาชนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมว่า เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นไม่ใช่แค่ 100% แต่เป็น 10,000% เพราะเอาเปรียบตั้งแต่คิดตั้งพรรคการเมืองในทำเนียบรัฐบาล ชวนคนเข้าไปในทำเนียบฯ เอาเปรียบมาเป็นปีแล้ว ครั้งนี้จะเอาเปรียบอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร หากไม่อาย สังคมจะต้องมองเรื่องนี้ให้ละเอียด ท่านไม่ได้มาจากฐานของประชาชน แล้วยังเอาอำนาจที่มีอยู่ไปหาเสียงโดยอ้างประชาชน แล้วจะให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร การจะไปบอกให้ 3 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเป็นการสีซอเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์ นายวรชัย เหมะ อดีต สสสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่พบประชาชน แต่อ้างว่าไม่ได้สวมหัวโขนรัฐมนตรีนั้น ความเป็นจริงคนเป็นรัฐมนตรีแล้วมีอำนาจบริหารถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธการเป็นรัฐมนตรีได้ จึงถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ถูกแช่แข็งไม่ให้เคลื่อนไหวอย่างยิ่ง ถ้าอยากแข่งขันกันแฟร์ๆ คสชก็ควรเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า อยากให้ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับนโยบายสร้างความปรองดองให้คนในชาติ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองขัดแย้งมานาน แต่พอจะมีการเลือกตั้ง การสร้างความปรองดองกลายเป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น เพราะเริ่มสาดโคลนใส่กันทันที อยากให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแข่งขันกันทางนโยบาย และหยุดความขัดแย้งไว้ก่อน เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้พี่น้องประชาชน การเลือกตั้งก็สู้กันด้วยนโยบาย แพ้ชนะแล้วจบ เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่ถ้าหากปล่อยไปเช่นนี้หลังเลือกตั้งประเทศก็คงจะมีความขัดแย้งอีก โฆษกกลุ่มสามมิตรกล่าว วันเดียวกันยังมีความเคลื่อนไหวในกรณีการย้ายพรรคอีก โดยเฉพาะกรณีนายธรรมวิชญ์ และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ บุตรชายนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีต สสกาญจนบุรี ปชปจะย้ายไปพรรค พปชร โดยมีรายงานแจ้งว่ามีการเจรจาโดยใช้เงื่อนไขคดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ ซึ่งนายประชาถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน และหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยยื่นข้อเสนอผ่านนางเขมพร ต่างใจเย็น หรือซ้อเขม ภรรยากำนันเซียะที่หลบหนีไปด้วย โดยประสานงานกว่า 2 สัปดาห์ เพราะผู้ใหญ่ใน พปชรตั้งเป้าต้องปักธงที่กาญจนบุรีให้ได้ มีการอ้างถึงผู้มีอำนาจว่าจะช่วยดูแลให้ในลักษณะเดียวกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะที่ได้รับการพักโทษไปก่อนหน้านี้ และกลุ่มพรรคพลังชลของนายสนธยา คุณปลื้ม จะเข้าซบ พปชร ซึ่งลูกชายกำนันเซียะต้องย้ายพรรค โดยได้แจ้งให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค ปชปที่ทั้งสองให้ความเคารพรับทราบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รายงานแจ้งอีกว่า พปชรยังมีความพยายามที่จะดูดอดีต สสกาญจนบุรี ปชปอีก 2 คน คือ นายปารเมศ โพธารากุล หรือกำนันบอย และนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ให้ไปร่วมงานด้วย โดยมีซ้อเขมเป็นผู้ประสานงาน และขอร้องเพื่อช่วยกำนันเซียะกลับไทยเร็วขึ้น เนื่องจากมีการตั้งเงื่อนไขว่าต้องได้ยกจังหวัดนายปารเมศยอมรับว่าถูกทาบทามจากผู้มีอำนาจหลายด้าน ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ใหญ่ที่นับถือว่าขอให้ย้ายไปอยู่ พปชรเพื่อพัฒนาจังหวัดในทิศทางเดียวกัน จะได้ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ ส่วนนายฉัตรพันธ์กล่าวว่า มีการทาบทามให้ไปสังกัด พปชรจริง แต่จะยืนหยัดอยู่กับ ปชปต่อ เนื่องจาก ปชปให้โอกาสได้เกิดทางการเมืองขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้า ปชปกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รับทราบถึงสถานการณ์และเงื่อนไขของอดีต สสกาญจนบุรีทั้งสองคนเป็นอย่างดี จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ขอให้ไปสัมภาษณ์นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคกลางแทน อย่างไรก็ตามไม่หนักใจต่อกระแสดูดที่ยังคงมีการดึงตัวอดีต สสของพรรคไปสังกัด พปชรอย่างต่อเนื่อง ด้าน รตปรพล อดิเรกสาร อดีต สสสระบุรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชรกล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำ พปชรทาบทาม นสกัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต สสสระบุรี ปชปมาร่วมงาน จนอาจส่งผลทำให้เกิดการแย่งชิงพื้นที่เลือกตั้งสระบุรีเขต 1 ว่า ถ้าเป็นจริงจะทำให้เกิดปัญหาแน่นอน เนื่องมีฐานเสียงตรงข้ามกันมาตลอด ซึ่งบางทีคนในพรรคอาจไม่เข้าใจตรงนี้ลึกซึ้ง และได้วางตัวทีมงานลงแทนในเขตนี้ไว้นานแล้ว คือนายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจสระบุรี และเคยพานายปริญญาไปพบผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงให้ความเห็นชอบแล้วด้วย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเเปลงอะไร แกนนำพรรคต้องมาบอกกล่าวให้รับทราบก่อน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต สสเชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รตอชนินทร์ น้อยเล็ก ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและคดี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) ระบุว่าไม่ควรพูดเรื่องการเมืองในทำเนียบฯ ว่า ทำเนียบฯ เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน หากจะแยกแยะไม่ให้พูดเรื่องการเมืองอาจเป็นเรื่องยาก แทนที่ กกตจะไปจับตาตรงนั้น อยากให้ กกตไปจับตาในพื้นที่ทั่วประเทศด้วย เพราะขณะนี้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองกัน ล่าสุดวันที่ 14 ตคได้รับแจ้งจากอดีต สสของพรรคในพื้นที่ จพะเยา ว่าตัวแทนพรรค พปชรมีการแนะนำว่าที่ผู้สมัครของพรรค พปชรเขต 1 จพะเยา โดยจัดให้มีการชุมนุมของประชาชนและผู้นำท้องถิ่น ทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมหลายร้อยคน ถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสชหรือไม่ ตรงนี้อยากให้ กกตเข้าไปตรวจสอบด้วย หากพรรคการเมืองหนึ่งทำได้ แต่อีกพรรคทำไม่ได้ จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ส่วนนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการ พทกล่าวถึงกรณีนายชูกัน กุลวงษา อดีต สส นครพนม เขต 4 ย้ายไปอยู่ พปชรและทำให้ตนเองอาสามาลงเขตดังกล่าวแทนว่า เมื่อวันที่ 14 ตคได้ลงพื้นที่รับทราบปัญหาประชาชน แต่มีทหารสองนายนอกเครื่องแบบตามประกบถึงในห้องประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีทหารชั้นผู้น้อยได้รับคำสั่งเช่นนี้ทุกเขตเลือกตั้ง ทุกจังหวัด ซึ่งน่าจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของทหารซึ่งเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของชาติ ขออนุญาตฝากท่านผู้บังคับบัญชา ควรมอบหมายภารกิจให้ถูกต้องกับหน้าที่ของทหาร ผมหวังที่จะเห็นทหารที่ลงตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศขณะนี้ได้กลับกรมกอง บ้านเมืองมิได้มีภัยคุกคามใดๆ เลย ตรงกันข้ามถ้าทหารยังอยู่ตามตำบลหมู่บ้านในช่วงเวลานี้ จะถูกสังคมกล่าวหาว่าบล็กพรรคการเมืองอื่น แต่ปล่อยพรรคการเมืองฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล การเลือกตั้งจะไม่เสรีและไม่เป็นธรรม อันจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นประเทศถดถอย จึงขอฝากให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม นายชวลิตกล่าว,2นายอนุทินฯ จะต้องชี้แจง เรื่องฯ นี้ ให้กระจ่างชัด , เพราะนายอนุทินฯ ได้ประกาศตัว พร้อมเป็น นายกรัฐมนตรีคนต่อไปฯ แข่งกับท่าน พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา, ถ้าพรรคภูมิใจไทย ชนะเลือกตั้งได้ 251-เสียง, ซึ่งคนที่พร้อมจะเป็น นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ของประเทศไทย จะต้องมีจริยธรรม และคุณธรรม สูง ในทุกๆด้าน พร้อมให้ คนทั่วไป ตรวจสอบได้。เพื่อไทยนครพนมร้าว ชูกัน กุลวงษา โดดซบพลังประชารัฐ 15 ตุลาคม พศ 2561 เวลา 17:43 น 。
ฉินหยูกง 2021-03-01 15:38:53
ขณะที่ นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร อดีตสสกาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่ามีการทาบทามตนให้ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจริง แต่ตัดสินใจที่จะยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ เนื่องจากพรรคการเมืองนี้ให้โอกาสตนได้เกิดทางการเมือง, บุรีรัมย์ อดีตเมืองตำน้ำกิน ยากจนระดับต้นๆ ของประเทศ แต่ภายในเวลา 7-8 ปี จังหวัดแห่งนี้กลายเป็นโมเดลของการพัฒนาด้านเมืองกีฬา เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลที่เป็นแชมป์ 6 ปีซ้อน เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีครั้งแรกของประเทศ。ผมมาถึงเมืองไทยเมื่อคืน ตอนเช้านี้เป็นวันที่ 14 ตุลาคม 2561 ผมกำลังไปธรรมศาสตร์รำลึก 14 ตค ผมนึกถึงวิสา คัญทัพ กับบทกวีที่ว่า ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชน สมบูรณ์นิรันด์ไป 。
หมิงหวาง 2021-03-01 15:38:53
อย่างที่ผมเขียนในเฟซบุ๊กว่าเหมือนรถเมล์สาย 8 เลย ผมไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงวิ่งสุดฝีเท้า จนตอนนั้นผมห่วงเรื่องหัวใจน้อยลง แต่ห่วงว่าเตียงจะคว่ำมากกว่า ช่วงเข้าโค้ง แล้วเขาไม่ลดความเร็วเลย ก็ปลอดภัยนะครับ เชื่อว่าพนักงานท่านนั้นมีประสบการณ์ในการทำอะไรรวดเร็วอย่างนี้อย่างดี ผมก็โดนเข็นมาที่ห้องสวนหัวใจ ตอนแรกผมก็ยังงงอยู่ว่าเขาจะทำอะไร แล้วให้ผมเซ็นเอกสารเต็มไปหมด แล้วตอนนี้ผมจะต้อบถูกทำอะไรครับ คุณหมอไพฑูรย์ก็มาบอกผมว่ากำลังจะเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาเพื่อฉีดสี เพื่อดูความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ถ้าเกิดมันแย่ก็ต้องทำการบอลลูน พอรู้แค่นั้นผมก็โอเคครับ เริ่มทำได้เลย ซึ่งทำอย่างรวดเร็วมาก พอกระบวนการนั้นเกิดขึ้น อาการแน่นหน้าอกก็หายไปอย่างรวดเร็ว หายไปตอนอยู่บนเตียงที่ห้องผ่าตัดเลย หลังจากนั้นก็ออกมาพักที่ห้อง icu อาการดูปกติมากแค่ว่าคุณหมอไม่ให้ขยับขาขวาซึ่งเป็นช่องทางที่เครื่องมือเข้าไป เป็นเวลา8ชั่วโมง ผมถึงได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังผ่านช่วงเฉียดตายเลย รู้สึกแค่ว่าโชคดี โชคดีที่มีเพื่อนเป็นหมอ โทรหาเพื่อนได้ ถ้าไม่มีเพื่อนเป็นหมอผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ อาจจะนั่งพักอยู่ที่บ้านเฉยๆ โชคดีที่ภรรยาตัดสินใจขับรถมาที่สมิติเวช โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทีมโรคหัวใจของสมิติเวชทำงานเร็วมาก จนทำพิธีการบอลลูนใช้เวลาแค่ 40 กว่านาที ถ้ามันช้ากว่านั้นมันจะแย่เลยทีเดียว เหตุการณ์นี้ค่อนข้างเตือนเราทุกอย่างมันส่งผลหมดเลยทุกสิ่งที่เราสนุกกับการทานอาหารอร่อย ข้าวขาหมูติดมันเยอะๆชอบมาก ทานก๋วยเตี๋ยวเรือต้องใส่กากหมู เราทานเนื้อกะทะก็อยากได้เนื้อที่มันมีมันแทรกอยู่ มันคือของอร่อยทั้งนั้นเลย คนที่มีอาการแบบนี้ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นคนรูปร่างใหญ่ บางคนก็รูปร่างปกติแต่ว่าก็สามารถมีคอเลเตอรอลสูงได้ มันดีกว่าแน่ถ้าเราค่อยๆปรับ ไม่ต้องรอให้โดนเตือนหนักๆ แต่อย่างที่บอกขณะที่พูดยังไม่กล้ารับปากคุณหมอต่อไปนี้จะทำได้ตามคุณหมอสั่งหรือเปล่าจะพยายามคิดสูตรว่าทานข้าวหมูไม่ติดมันให้อร่อย รับประทานก๋วยเตี๋ยวอย่างไรไม่ต้องปรุงแต่ยังอร่อยอยู่ ผมว่าต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะว่ามันเป็นวิธีที่ควรจะเป็น เพียงแต่ว่าเราไปทำอะไรที่มันเว่อร์โดยตลอด ซึ่งมันเลยทำให้เราติดกับการกินข้าวขาหมูต้องติดมันเยอะๆ กินนู่น กินนี่ ต้องเติมน้ำตาลเข้าไปอีกมันไม่จำเป็นหวังว่าจะทำได้ เรื่องงาน ปลายอาทิตย์คงต้องเริ่มมีการประชุมอะไรที่ค้างคาอยู่ พยายามไม่เดินเยอะ ซึ่งงานส่วนใหญ่ผมคือนั่งในห้องประชุม แต่ก็จะพยายามเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานใหญ่ปลายปี บิ๊กเมาส์เท่น แต่อาจจะเดินน้อยกว่าปีที่แล้ว ปัจจัยเรื่องความเครียดก็มีผลทำให้หัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ แต่ในเรื่องของอาหารเราจะเห็นว่าบางคนกินเท่าเราแต่ไขมันไม่สูง อันนี้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม อาการของโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ฉะนั้นควรตรวจร่างกายประจำปี ถ้าไขมัน คอลเลสเตอรอล น้ำตาล สูงนิดหน่อยก็อาจจะลองปรับพฤติกรรม ลดอาหารไขมันสูงลงก่อน ถ้าตรวจไปหลายทีแล้วก็ยังสูงอยู่ก็น่าจะมีปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยว ถ้ามีข้อบ่งชี้ว่าต้องเริ่มใช้ยาก็เริ่มไป , ผมได้วางตัวคนในทีมงานลงแทนตนในเขตนี้ไว้นานแล้ว คือนายปริญญา วันทา ที่ปรึกษาอบจสระบุรี และได้เคยพานายปริญญาไปพบผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงให้ความเห็นชอบเเล้วด้วย ตัวนายปริญญาเองก็ลงพื้นที่ปูฐานเสียง ช่วยงานพลังประชารัฐมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีฐานเสียงเก่าของตนให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้าจะมีการเปลี่ยนเเปลงอะไร เเกนนำพรรคจะต้องมาบอกกล่าวให้ตนรับทราบก่อน รตปรพล กล่าว。 ทั้งนี้ หน่วยงานต่างๆ ต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะของฝากเป็นอีกจุดที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น ที่ของฝากของแต่ละจังหวัดจะมีเอกลักษณ์ โดดเด่ด มีเรื่องราว และที่สำคัญคือหาซื้อที่อื่นไม่ได้ ต้องไปในที่ที่นั้นจริง ๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดแข็งอย่างมากของการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวเองก็จะรู้ในจุดนี้ดี อีกอย่างการมีเรื่องราวของญี่ปุ่นทำให้เกิดการบอกกันปากต่อปากที่เป็นการโฆษณาไปในตัว 。